ทิศทางลม สิ่งสำคัญที่ก่อนคุณจะซื้อบ้าน หรือสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ก่อสร้างด้วยปูน หรือ บ้านน็อคดาวน์ ก็ตาม จะต้องมีการวางทิศบ้าน หรือจัดบ้านโดยให้ความสำคัญกับทิศทางลม เพราะหากบ้านวางถูกหลักทิศทางลมแล้ว นอกจากจะทำให้บ้านเย็นแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานจากการต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือเปิดพัดลม ตลอดทั้งวันด้วย ลองมาดูเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับทิศทางลมกันว่า ทิศบ้านแบบไหนที่ตั้งถูกหลักทิศทางลมบ้าง

 

 

ทิศทางลม คือ

กระแสอากาศที่เคลื่อนที่พัดผ่านเข้ามาตามทิศทางต่าง ๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ในการใช้วางแปลนผังบ้านลงบนตำแหน่งของพื้นที่สำหรับปลูกสร้างบ้าน เพื่อให้บ้านหันไปในทิศทางที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและตำแหน่งที่ตั้ง ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อน มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าวเกือบตลอดทั้งปี โดยแบ่งออกเป็น 3 ฤดู ดังนี้

  1. ฤดูร้อน (ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม) ทิศทางลมจะพัดมาทางทิศใต้ ถือว่าเป็นลมที่ดี ช่วยลดความร้อนของอากาศลงได้
  2. ฤดูฝน (ช่วงเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน) ทิศทางลมจะพัดมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ลมนี้เรียกว่า “ลมมรสุม”
  3. ฤดูหนาว (ช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์) ทิศทางลมจะพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเรียกว่า “ลมหนาว”

ข้อดี ข้อเสีย ทิศทางของลม ที่ส่งผลต่อบ้าน

การอ่านทิศทางลมให้ออก ถือเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้บ้านน่าอยู่ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานแล้ว ยังทำให้บ้านธรรมดา ๆ กลายมาเป็นบ้านประหยัดพลังงานได้อีกด้วย ซึ่งข้อดีและข้อเสียของทิศทางลมที่ส่งผลโดยตรงต่อตัวบ้านมีดังนี้

  1. ข้อดีของบ้านที่ตั้งรับทิศทางลมได้ถูกต้อง
  • ประหยัดพลังงาน เนื่องจากตัวบ้านถ่ายเทอากาศได้สะดวก ไม่ร้อนอบอ้าว และเย็นสบาย สามารถช่วยหมุนเวียนอากาศบริสุทธิ์ได้ทั่วทั้งบ้าน ลดความจำเป็นในการใช้ระบบทำความเย็นเทียมและส่งเสริมสภาพแวดล้อมในร่มที่ดีต่อสุขภาพ
  • ยืดอายุการใช้งาน เนื่องจากลดแรงปะทะโดยตรงกับสภาพอากาศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแดด ลม และฝน
  • สนุกกับการจัดการพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ ภายในบ้านให้เข้ากับทิศทางลม เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน โดยใช้ประโยชน์จากแสงแดดและลมจากธรรมชาติ
  1. ข้อเสียของบ้านที่ตั้งรับทิศทางลมไม่ถูกต้อง
  •  หากตั้งทิศทางของบ้านในทิศทางรับกับลมมรสุมหรือได้รับอิทธิพลจากลมมรสุม เมื่อเกิดพายุฝนลมฟ้ากระหน่ำ จะทำให้บ้านเกิดความเสียหายได้ เนื่องจากเป็นจุดเสี่ยงจากการพัดผ่านของกระแสลมและฝนโดยตรง

เทคนิคสร้างบ้านให้ไม่ร้อน เย็นสบายมีลมเข้าออกตลอดปี

เพื่อให้ลมผ่านบ้านเพื่อเพิ่มความเย็นและความสบายในบริเวณในบ้านของคุณ คุณสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ได้:

  1. ตรวจสอบทิศทางลมก่อนปลูกบ้าน : ก่อนอื่นให้คุณตรวจสอบทิศทางของลมที่บ้านของคุณมักจะผ่านมาบ่อยครั้งที่สุด ตรวจสอบว่ามีลมพัดจากทิศทางใดบ้าง เช่น ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก หรือทิศตะวันตก
  2. ระบบระบายอากาศในบ้าน : ตรวจสอบว่าบ้านของคุณมีระบบระบายอากาศที่ดีหรือไม่ ระบบระบายอากาศที่มีการวางแผนและติดตั้งอย่างถูกต้องสามารถช่วยให้ลมสามารถไหลผ่านบ้านได้อย่างราบรื่น คุณควรตรวจสอบว่าไม่มีอุปสรรคใดๆ ที่ขวางทางลมเข้าบ้าน เช่น ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือวัตถุที่บังทางลมเข้ามาในบริเวณประตูหรือหน้าต่าง
  3. การเปิด-ปิดหน้าต่าง : ในช่วงเวลาที่ลมเย็นสบายส่วนมาก เปิดหน้าต่างที่ตั้งอยู่ในทิศทางลมที่ดีเพื่อรับลมเข้าบ้าน คุณอาจใช้วิธีการเปิดหน้าต่างแบบเปิดใบเดียวหรือเปิดใบครึ่งเปิดตามสภาพอากาศและความเย็นที่คุณต้องการ
  4. ปรับใช้พื้นที่ให้เหมาะสม : สำหรับห้องที่ต้องการให้เย็นสบายมากที่สุด เช่น ห้องนอนหรือห้องทำงาน ควรจัดวางเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมที่ให้ลมพัดเข้าห้องได้โดยตรง โดยปรับแนวพัดลมให้เข้าสู่ทิศทางที่คุณต้องการ
  5. ป้องกันแดดหรือความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน : คุณสามารถใช้วัสดุสิ่งกีดขวางเพื่อช่วยลดการเข้าสู่บ้านของความร้อนจากแสงแดดหรือลมร้อน เช่น การใช้ผ้าม่านหรือวอลเปเปอร์ที่สามารถกันแสงได้จะช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่บ้านของคุณผ่านหน้าต่าง ในช่วงเวลาที่แดดแรง คุณสามารถปิดม่านหรือวอลเปเปอร์เพื่อรักษาความเย็นภายในบ้านได้ หรือใช้พื้นผิวที่มีความหนาเพื่อลดการสะท้อนความร้อน
  6. สีหลังคาและการทาสี : หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับความร้อนจากหลังคา สีหลังคาที่เป็นสีอ่อนหรือสีสว่างสามารถช่วยลดการดูดความร้อนจากแสงแดดได้ หรือเลือกใช้สีที่มีคุณสมบัติกันความร้อนในการทาที่หลังคาหรือผนังบ้านก้จะช่วยลดอุณหภูมิภายในของบ้านได้

คุณสามารถลองดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อให้ลมผ่านบ้านและทำให้บรรยากาศภายในบ้านเย็นสบายขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะเหล่านี้อาจมีผลเชิงบางอย่างขึ้นอยู่กับสภาพบ้านและสภาพอากาศของพื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่ ถ้าหากยังคงมี