ส้วม ไทย นั้นสามารถสืบย้อนไปได้ไกลถึงสมัยสุโขทัย หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดคือ “โถส้วมสุโขทัย” ซึ่งทำจากหิน มีร่องรับการถ่ายเบา และช่องรับการถ่ายหนักอยู่ตรงกลาง แยกเบา-หนักไม่ให้ปนกัน วิธีนี้ช่วยป้องกันกลิ่นเหม็นรุนแรง และในปัจจุบัน “ส้วม” คือ สถานที่ที่เราคุ้นเคยและใช้งานในชีวิตประจำวัน อาจไม่ใช่สิ่งที่เราคิดว่ามีวิวัฒนาการมายาวนานและน่าสนใจลองจินตนาการถึงอดีต บรรพบุรุษของเราใช้ชีวิตอย่างไร? จัดการกับ “ของเสีย” กันอย่างไร? บทความนี้จะพาทุกท่านย้อนรอยต้นกำเนิด “ส้วมไทย”กันครับ

ก่อนประวัติศาสตร์:

หลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่า มนุษย์ในดินแดนไทยรู้จักการจัดการ “ของเสีย” มาช้านาน พบหลักฐานการใช้ถ้ำหรือโพรงหินเป็น “ส้วมธรรมชาติ” แสดงถึงการตระหนักถึงความสะอาดและสุขอนามัย แม้จะอยู่ในยุคโบราณก็ตาม

สมัยสุโขทัย:

พบหลักฐาน “โถส้วม” ทำจากหิน มีร่องรับการถ่ายเบาและช่องรับการถ่ายหนัก แสดงถึงการออกแบบที่คำนึงถึงสุขอนามัย สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัย ตัวอย่างหลักฐานที่สำคัญคือ “โถส้วมสุโขทัย” ที่ขุดพบในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร

สมัยกรุงศรีอยุธยา:

หลักฐานเกี่ยวกับ “ส้วม” ในสมัยนี้ยังมีน้อย สันนิษฐานว่ามีการใช้ “ส้วมหลุม” ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก “ส้วมธรรมชาติ”

สมัยรัตนโกสินทร์:

  • รัชกาลที่ 4: เริ่มมีการใช้ “ส้วมแบบฝรั่ง” ในราชสำนัก แสดงถึงการรับเอาเทคโนโลยีจากตะวันตกมาใช้ ตัวอย่างคือ “ส้วมฝรั่ง” ในพระราชวังดุสิต
  • รัชกาลที่ 5: มีการออกกฎหมายควบคุมการสร้าง “ส้วม” เป็นการยกระดับสุขอนามัยของประชาชน ตัวอย่างคือ “พระราชบัญญัติสุขาภิบาลกรุงเทพฯ พุทธศักราช 2440”
  • รัชกาลที่ 6: มีการพัฒนา “ส้วมแบบนั่ง” ซึ่งสะดวกและถูกสุขอนามัยมากกว่า “ส้วมหลุม” ตัวอย่างคือ “ส้วมคอห่าน” ที่ประดิษฐ์โดยพระยานครพระราม

ปัจจุบัน:

ประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนมี “ส้วมถูกหลักสุขาภิบาล” เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนไทย

“ส้วม” จึงไม่ใช่แค่สถานที่สำหรับขับถ่าย แต่สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางสังคม เทคโนโลยี และความใส่ใจในสุขอนามัยของคนไทยในแต่ละยุคสมัย

วิวัฒนาการส้วมไทย

  • พัฒนาจากส้วมหลุม ส้วมถังเท สู่ส้วมคอห่าน และส้วมราดน้ำ
  • ปัจจุบันมีส้วมแบบชักโครก เทคโนโลยีทันสมัย สะดวก ปลอดภัย

บทสรุป

ต้นกำเนิดส้วมไทยนั้นสามารถสืบย้อนไปได้ไกลถึงสมัยสุโขทัย หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดคือ “โถส้วมสุโขทัย” ซึ่งทำจากหิน มีร่องรับการถ่ายเบา และช่องรับการถ่ายหนักอยู่ตรงกลาง แยกเบา-หนักไม่ให้ปนกัน วิธีนี้ช่วยป้องกันกลิ่นเหม็นรุนแรง ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีการพัฒนาส้วมแบบ “ส้วมหลุม” ซึ่งขุดหลุมลึกลงไปในดิน ก่ออิฐหรือไม้เป็นผนัง ด้านบนมีพื้นสำหรับนั่งขับถ่าย ส้วมหลุมมักสร้างอยู่ริมคลองหรือแม่น้ำ สิ่งปฏิกูลจะไหลลงสู่แหล่งน้ำ ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการพัฒนาส้วมแบบ “ส้วมคอห่าน” ประดิษฐ์โดยพระยานครพระราม ส้วมแบบนี้มีท่อโค้งกลับ ทำให้น้ำขังอยู่ที่คอท่อ ป้องกันกลิ่นเหม็นและแมลงวัน สิ่งปฏิกูลจะไหลไปยังบ่อใต้ดิน ในปัจจุบัน ส้วมไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการใช้ระบบชักโครกแทนการราดน้ำ ที่มีทั้งในบ้าน ห้องนํ้าสาธารณะ หรือแม้กระทั้ง ห้องนํ้าสำเร็จรูป และที่สำคัญส้วมแบบใหม่ถูกสุขอนามัย ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคและวิวัฒนาการของส้วมไทยนั้นยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ทั้งสังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และสุขอนามัย ส้วมมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทย การพัฒนาส้วมอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความมุ่งมั่นของสังคมไทยในการสร้างอนาคตที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และยั่งยืนอีกด้วย