การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เป็นวิธีที่นิยมในการเพาะปลูกผักในระบบปิดหรือในพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกด้วยดิน การปลูกผักด้วยวิธีนี้ทำให้เกษตรกรสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมและสารอาหารให้แก่พืชอย่างแม่นยำ เพื่อให้ผักเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์และมีผลผลิตมากขึ้น ในบทความนี้เราจะสอนขั้นตอนและเคล็ดลับในการปลูกผักระบบไฮโดรโปนิกส์

ขั้นตอนใน การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์

  1. แสง: การปลูกระบบไฮโดรโปนิกส์ต้องมีแสงสว่างเพียงพอสำหรับการสังเคราะห์แสงของพืช 12-16 ชั่วโมงต่อวัน คุณสามารถใช้หลอด LED พิเศษสำหรับการปลูกพืชภายในหรือหลอด T5 หรือ T8 ที่มีสเปกตรัมแสงที่เหมาะสม
  2. อุณหภูมิ: ความอบอุ่นคงที่ระหว่าง 18-24 องศาเซลเซียสเป็นไปได้สำหรับผักไฮโดรโปนิกส์มากที่สุด
  3. ความชื้นสัมพัทธ์: ความชื้นสัมพัทธ์ควรอยู่ในช่วง 50-70% สำหรับผักไฮโดรโปนิกส์
  4. ระบบรดน้ำ: ใช้ระบบรดน้ำไฮโดรโปนิกส์เพื่อให้น้ำและสารอาหารถูกส่งให้กับรากของพืชอย่างถูกต้อง ระบบน้ำควรออกแบบให้มีการวางแนวระบายน้ำที่ดี
  5. ระบบระบายอากาศ: ควรมีระบบระบายอากาศที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความชื้นสูงเกินไปและปัญหาการระบายคาร์บอนไดออกไซด์
  6. พื้นที่: เลือกห้องที่มีพื้นที่เพียงพอให้วางระบบปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์และการดูแลรักษา และระบบระบายน้ำอย่างถูกต้อง
  7. ระบบควบคุม: การใช้ควบคุมอัตโนมัติเพื่อควบคุมแสง อุณหภูมิ ความชื้น และการรดน้ำจะช่วยให้การปลูกผักเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  8. ระบบการกระทำ: มีระบบการกระทำที่ใช้สำหรับการเก็บเกี่ยวและการดูแลรักษาผักไฮโดรโปนิกส์ เช่น ระบบตัดแต่งแสดงผลผลิต และการเก็บเกี่ยว
  9. ระบบควบคุมปริมาณสารอาหาร: ใช้ระบบควบคุมเพื่อให้สารอาหารส่งให้กับพืชในปริมาณที่ถูกต้องตลอดเวลา

ประโยชน์

  1. ประหยัดน้ำ: ระบบนี้ใช้น้ำน้อยกว่าการปลูกผักในดินเป็นอย่างมาก เนื่องจากน้ำจะถูกปรับแต่งให้มีปริมาณและความเข้มข้นที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิด
  2. ประหยัดพื้นที่: การปลูกในระบบไฮโดโปรนิกไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ใหญ่เท่ากับการปลูกในดิน ทำให้เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดหรือในสถานที่ที่พื้นที่มีค่าเช่าสูง
  3. ควบคุมสภาพแวดล้อม: คุณสามารถควบคุมอุณหภูมิ แสง และความชื้นในระบบได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้พืชได้รับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมตลอดเวลา
  4. ลดการใช้สารเคมี: เนื่องจากน้ำและสารอาหารถูกให้ในรูปแบบที่พืชสามารถดูดซึมได้ตรงเป้าหมาย การใช้สารเคมีเพื่อควบคุมแมลงหรือโรคพืชจะลดลง
  5. ผลผลิตที่รวดเร็ว: พืชที่ปลูกในระบบไฮโดโปรนิกมักเจริญเติบโตได้เร็วกว่าในดินและมีระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่สั้นกว่า
  6. ผลผลิตมีคุณภาพ: ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคพืชหรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพสูง

เคล็ดลับในการปลูก

  • ใช้สารอาหารที่ถูกต้อง: คำนึงถึงสูตรสารอาหารที่ให้กับผักแต่ละชนิด และปรับสูตรตามที่ต้องการสำหรับผักที่คุณปลูก
  • รักษาความสะอาด: รักษาความสะอาดในระบบไฮโดรโปนิกส์เพื่อป้องกันโรคและโรคพืชเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายของผลผลิต
  • ตรวจสอบ pH: ตรวจสอบระดับ pH ของน้ำและสารอาหารเป็นประจำเพื่อให้พืชได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ

การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ กับ บ้านน็อคดาวน์

การปลูกผักระบบไฮโดรโปนิกส์ มีหลายขั้นตอนที่สำคัญแต่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดนั้นคือ การควมคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการปลูกผัก เพราะการปลูกผักปวิธีนี้สภาพแวดล้อมทั้ง อุณหภูมิ ความชื้น ล้วนสำคัญดังนั้นการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมและควบคุมสภาพแวดล้อมได้นั้นจึงเป็นเรื่องแรกๆที่ควรคำนึงถึง โดยปกติแล้วผักไฮโดรโปนิกส์จะปลูกในเรือนเพราะชำ หรือสถานที่ปิด แต่ในที่นี้เราอยากแนะนำอีกทางเลือกนั้นคือ บ้านน็อคดาวน์ แต่ต้องเป็นบ้านน็อคดาวน์ที่ทำผนังและหลังคาด้วย ISOWALL เพราะตัว isowall นั้นมีคุณสมบัติที่เหมาะสมเป็นอย่างมากในการปลูกผัก ทนทานต่อความร้อนสูง กันไฟ ดูดซับน้ำต่ำทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ ยาวนานกว่า 10 ปี กันความชื้นได้ดี ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดนี้ ทำให้ บ้านน็อคดาวน์ ที่ทำผนังและหลังคาด้วย isowall นั้นเหมาะในการนำไป ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ อย่างยิ่ง

การปลูกระบบผักไฮโดรโปนิกส์ นั้นมีหลากหลายขั้นตอนกว่าที่จะมีผลผลิตออกมาให้ได้เห็นกัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะจริงๆแล้วการปลูกผักด้วยวิธีดังกล่าวนั้นสามารถทำได้ง่ายๆโดยใช้สิ่งของเริ่มต้นไม่กี่อย่างเช่นเดียวกัน เพียงแค่ต้องการอุปกรณ์ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพียงเท่านี้เอง